4 ตัวอย่างการนำระบบ Face recognition มาใช้งานกับธุรกิจ
พาทำความรู้จักกับระบบ AI-Face recognition ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่อยู่เบื้องหลังของการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า พร้อมตัวอย่างของการนำระบบ AI-Face recognition ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจ
การยืนยันตัวตนด้วยการใช้ใบหน้าที่มีระบบ AI-Face recognition เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนั้นเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมจากภาคธุรกิจต่าง ๆ เป็นอย่างมาก เนื่องจากใบหน้าเป็นอัตลักษณ์เฉพาะบุคคล ไม่สามารถขโมยกันได้ และยังช่วยยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมได้เป็นอย่างมาก ไม่เหมือนกับวิธีเดิม ๆ เช่น การใช้ Password ซึ่งสามารถถูกขโมยได้ หรือการใช้ลายนิ้วมือที่ต้องมีการสัมผัสกับอุปกรณ์ แถมยังไม่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันที่เน้นเรื่องไร้การสัมผัส (Contactless)
4 ตัวอย่างยอดฮิตในการนำระบบ AI-Face recognition ไปใช้กับธุรกิจยุคใหม่
1. การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าเพื่อทำธุรกรรมบนแอปพลิเคชันของธุรกิจ
ธุรกิจสามารถนำระบบ AI-Face recognition มาใช้ยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมด้วยการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าได้ โดยเฉพาะกับธุรกิจการเงิน ธนาคาร ธุรกิจประกัน และธุรกิจสินเชื่อออนไลน์ สำหรับการทำธุรกรรมที่มีความเสี่ยงในระดับกลางและต่ำ ด้วยการเปรียบเทียบใบหน้าจากรูปถ่ายเซลฟี่กับรูปถ่ายในบัตรประชาชนว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันจริงหรือไม่ ซึ่งแต่เดิมลูกค้าต้องเดินทางไปที่สาขาเพื่อที่จะยืนยันตัวตนกับพนักงาน แต่ด้วยระบบ AI-Face cognition ลูกค้าสามารถทำได้ด้วยตนเองผ่านทางแอปพลิเคชันของธุรกิจ ประหยัดเวลาการเดินทาง และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ได้เป็นอย่างดี ด้วยบริการที่สะดวก ปลอดภัย ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าใช้งานบริการต่าง ๆ ของธุรกิจได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้รายได้กลับเข้ามาที่บริษัทได้เร็วขึ้นนั่นเอง
ไม่เพียงแต่ธุรกิจการเงิน ธนาคาร หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงินเท่านั้นถึงจะสามารถใช้การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าได้ ธุรกิจประเภทอื่น ๆ ก็สามารถนำระบบ AI-Face recognition ไปประยุกต์ใช้ได้เช่นกัน แทนวิธีการเข้าใช้งานระบบหรือวิธีการเข้าถึงข้อมูลแบบเดิม
2.การตรวจสอบใบหน้าเพื่อเข้าตึกอาคารสำนักงาน หรือพื้นที่หวงห้าม
การนำ AI-Face recognition มาใช้กับการตรวจสอบใบหน้าเพื่อเข้าตึกอาคารสำนักงาน หรือพื้นที่หวงห้ามนั้นเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการใช้งานที่เป็นที่นิยมในภาคธุรกิจหลาย ๆ อุตสาหกรรม เนื่องจากตั้งแต่มีเหตุการณ์โรคระบาดโควิด-19 นั้นทำให้การนำระบบที่เป็น Contactless หรือระบบไร้สัมผัสมาใช้งานกันมากขึ้น จากเดิมที่เวลาจะเข้าตึกออฟฟิศมักใช้เป็นการแตะบัตรพนักงาน หรือใช้ลายนิ้วมือ มาเป็นการใช้การสแกนใบหน้าแทน ตรงจุดนี้จะช่วยยกระดับความปลอดภัยให้กับตึกสำนักงานได้เป็นอย่างดี เพราะกันไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาในตึกได้ และยังป้องกันเรื่องการฉ้อโกง เช่น ฝากบัตรพนักงานมาให้เพื่อนแตะบัตรเข้างานให้ เป็นต้น ด้วยเพราะใบหน้านั้นเป็นลักษณะจำเพาะบุคคล ไม่สามารถที่จะปลอมแปลง หรือขโมยกันได้นั่นเอง รวมถึงลดการสัมผัสตามอุปกรณ์ต่าง ๆ ช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อโควิด-19 ได้อีกทาง
3.การตรวจสอบใบหน้าเพื่อเช็คการเข้าทำงาน
เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ธุรกิจนิยมนำระบบ AI-Face recognition ไปใช้งาน นอกจากจะช่วยสแกนคนในการเข้าไปในตึกออฟฟิศ หรือสำนักงานแล้วยังใช้ในการเช็คการเข้างานของพนักงานได้อีกด้วย จากแต่เดิมที่ใช้วิธีการแตะบัตรพนักงานเพื่อเช็คการเข้างาน ซึ่งอาจมีโอกาสที่พนักงานอาจจะทุจริตโดยการฝากบัตรพนักงานให้เพื่อนมาแตะบัตรแทนให้ ซึ่งตรงนี้จะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ การนำระบบ AI-Face recognition มาใช้ในการเช็คการเข้างานของพนักงานเพียงแค่พนักงานสแกนใบหน้า ระบบจะสามารถตรวจสอบรูปถ่ายใบหน้ากับรูปถ่ายในฐานข้อมูลที่มีอยู่ได้โดยทันทีว่าเป็นพนักงานคนไหน และหมดห่วงในเรื่องการทุจริต เนื่องจากใบหน้าถือเป็นอัตลักษณ์ของแต่ละคน ไม่สามารถปลอมแปลง หรือขโมยกันได้
4.การตรวจสอบใบหน้าเพื่อเข้าร่วมงานอีเว้นต์
งานอีเว้นต์เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจในการนำระบบ AI-Face recognition ไปใช้งาน เนื่องจากจะช่วยประหยัดเวลาและจำนวนคนที่ต้องใช้ในการเช็คผู้เข้าร่วมงานแต่ละคน อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ที่มาเข้าร่วมงานประทับในบริการที่รวดเร็ว เพียงแค่สแกนใบหน้าก็สามาถเข้าร่วมงานได้เลย โดยวิธีการคือทำการเปรียบเทียบกับรูปที่มีอยู่ในระบบ หลังจากนั้นระบบจะทำงานส่งข้อมูลของใบหน้าที่มีความใกล้เคียงมากที่สุดกลับมาให้ ซึ่งหากมีค่าความเหมือนที่อยู่ในเกณฑ์ ก็หมายความว่ารูปภาพที่ส่งไปค้นหาในฐานข้อมูลมีตัวตนในระบบ แสดงว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับคนที่ได้ลงทะเบียนไว้นั่นเอง
ที่มา : Blockdit AI GEN : ไอเจ็น
เรียบเรียง : nuttngow